สารจากผู้บริหาร
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร ด้วยเป้าหมายการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็น “ครัวของโลก” ที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน มีฐานการผลิตผ่านการลงทุนและร่วมลงทุนใน 17 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งมีการส่งออกจากฐานการผลิตในประเทศไทยไปมากกว่า 40 ประเทศ บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีรสชาติเป็นที่พึงพอใจให้กับผู้บริโภค ด้วยกระบวนการผลิตและการดำเนินงานที่รักษาความสมดุลระหว่างความสำเร็จทางเศรษฐกิจและการสร้างคุณค่าร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน รวมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ภายใต้ปรัชญา 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืนที่มุ่งสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อประเทศ ประชาชน และบริษัท บนพื้นฐานของการกำกับดูแลกิจการที่ดี
ในปีที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 19 (โควิด-19) ยังคงมีผลกระทบด้านเศรษฐกิจและกำลังซื้อทั่วโลก รวมถึงการส่งผลให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมและความพึงพอใจที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนั้น ความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศยูเครนและประเทศรัสเซีย ได้ทำให้ราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์และราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ด้วยอัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศที่สูงขึ้นได้ทำให้หลายประเทศมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ต่างเป็นเรื่องที่ท้าทายในการขับเคลื่อนธุรกิจ บริษัทได้มีนโยบายในการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป มีการลงทุนอย่างระมัดระวัง และให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารต้นทุนในการดำเนินงานด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ทั้งระบบดิจิทัล บล็อกเชนมาใช้ในการทำงานและกระบวนการผลิต
นอกจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นแล้ว อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ในหลายประเทศได้เผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคในการเลี้ยงสัตว์ อาทิเช่น โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever: ASF) ในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกร บริษัทได้มีเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ในการเลี้ยงสัตว์ และกระบวนการทำงานอย่างเข้มงวด เพื่อให้สัตว์ปลอดจากการติดเชื้อ และทำให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์คุณภาพให้แก่ผู้บริโภค
ในปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 614,197 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ 20 และมีมูลค่าสินทรัพย์ 926,987 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายภาษีให้แก่ภาครัฐ 6,003 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 13,970 ล้านบาทในปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ 7
คณะกรรมการบริษัทได้มีมติเห็นควรเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2565 พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท โดยเป็นเงินปันผลระหว่างกาลที่จ่ายให้ผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2565 จำนวน 0.40 บาทต่อหุ้น และเป็นเงินปันผลประจำปีที่เสนอจ่ายให้ผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 จำนวน 0.35 บาทต่อหุ้น
บริษัทให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมกับการสร้างสมดุลในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งการดูแลสิ่งแวดล้อม ดูแลสังคมรอบด้าน และการมีกรอบการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้ร่วมลงนามแสดงความมุ่งมั่นต่อองค์กร Science Based Targets initiative (STBi) ในการกำหนดเป้าหมายขับเคลื่อนองค์กรมุ่งสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 บริษัทมีการสนับสนุนลดการใช้พลังงานถ่านหินและหันมาใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ได้ยกเลิกการใช้ถ่านหินในโรงงานประเทศเวียดนามตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 และยกเลิกการใช้ถ่านหินในโรงงานประเทศไทยตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2565 นอกจากนั้น บริษัทได้ร่วมมือกับธนาคารในหลายประเทศในโครงการสนับสนุนการเติบโตของคู่ค้าและลูกค้า เพื่อให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนต้นทุนที่เหมาะสมและมีเงินทุนหมุนเวียนดีขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย
สุดท้ายนี้ ในนามของคณะกรรมการบริษัท ผู้บริหารและพนักงานทุกคน ขอขอบคุณผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนสำหรับการสนับสนุนและความไว้วางใจที่ดีเสมอมา บริษัทยังคงยึดมั่นที่จะดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ “ครัวของโลก” เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร บนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ที่คำนึงถึงสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนตลอดไป